ในยุคที่เทรนด์การดูแลสุขภาพและความงามมาแรง ชื่อของ “คอลลาเจน” ดูจะเป็นที่คุ้นหูและคุ้นเคยสำหรับคนไทยเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มบำรุงผิวที่นิยมมาละลายในน้ำเพื่อดื่มในตอนเช้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเม็ดเล็ก ๆ ที่ทานก่อนนอน หรือแม้แต่ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว คอลลาเจนก็ปรากฏตัวอยู่แทบทุกที่
ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคอลลาเจนถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ เพราะมันเป็นเหมือน "เพื่อนซี้" ที่คอยดูแลผิวพรรณของเราจากภายในสู่ภายนอก ช่วยให้เรามั่นใจกับผิวที่ดูกระชับ เต่งตึง และอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ไม่ใช่แค่กระแสที่มาแล้วก็ไป แต่คอลลาเจนได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นเคล็ดลับความงามที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายของเราก็ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยปรากฏขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่หลายคนหันมาพึ่งพาคอลลาเจนเสริม เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายขาดไป และช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัย ไม่ว่าจะเป็นสาว ๆ หนุ่ม ๆ หรือผู้สูงอายุ ต่างก็รู้จักและสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งบทความนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกถึงเรื่องราวของคอลลาเจน ว่าทำไมมันคอลลาเจนถึงได้กลายเป็น "เพื่อนซี้ผิวสวย" ที่คนไทยคุ้นเคยกันค่ะ มาดูกันว่าคอลลาเจนคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และเลือกคอลลาเจนแบบไหนถึงจะเหมาะกับคุณที่สุด เพื่อให้คุณมีผิวสวยสุขภาพดีในแบบที่คุณต้องการ
คอลลาเจนคืออะไร?
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบหลักของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ในร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมถึงมนุษย์ด้วย คิดเป็นประมาณ 25-35% ของปริมาณโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย คำว่า "คอลลาเจน" มาจากภาษากรีก "kolla" แปลว่า “กาว” ซึ่งสะท้อนถึงหน้าที่หลักของคอลลาเจนในการเป็นตัวยึดเหนี่ยวและให้โครงสร้างแก่เนื้อเยื่อต่าง ๆ
โครงสร้างของคอลลาเจนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไกลซีน (Glycine) โพรลีน (Proline) และไฮดรอกซีโพรลีน (Hydroxyproline) ซึ่งรวมตัวกันเป็นสายยาวบิดเกลียวคล้ายเกลียวเชือก (Triple Helix) ทำให้คอลลาเจนมีคุณสมบัติที่แข็งแรงและยืดหยุ่น คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการ เสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง กระดูก กระดูกอ่อน เส้นเอ็น หลอดเลือด รวมถึงอวัยวะภายใน ในผิวหนัง คอลลาเจนทำหน้าที่เหมือนโครงสร้างค้ำจุนที่ทำให้ผิวเต่งตึง ยืดหยุ่น และเรียบเนียน เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้ผิวเริ่มมีริ้วรอย หย่อนคล้อย และความยืดหยุ่นลดลง
คอลลาเจนมีกี่ชนิด?
ปัจจุบันมีการค้นพบว่าในร่างกายมนุษย์มี คอลลาเจนมากกว่า 28 ชนิด แต่ชนิดที่พบมากที่สุดและมีบทบาทสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ มี 5 ชนิดหลัก ได้แก่
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen) เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด พบมากในผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น ฟัน และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีหน้าที่หลักในการให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่โครงสร้างเหล่านี้
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II Collagen) พบมากในกระดูกอ่อน (Cartilage) โดยเฉพาะกระดูกอ่อนข้อต่อ ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกและช่วยให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อเป็นไปอย่างราบรื่น
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III Collagen) พบในผิวหนัง หลอดเลือด และอวัยวะภายใน มักทำงานร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 เพื่อให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงกับเนื้อเยื่อ
- คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Type IV Collagen) เป็นองค์ประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์ (Basement Membrane) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่รองรับเซลล์ต่าง ๆ ทำหน้าที่เป็นตัวกรองและค้ำจุน
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Type V Collagen) พบในผิวหนัง ผม และรก มักทำงานร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3
ประโยชน์ของคอลลาเจนต่อร่างกาย
- บำรุงสุขภาพผิว คอลลาเจนช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน
- เสริมสร้างกระดูกและข้อต่อ คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกและกระดูกอ่อน ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันภาวะกระดูกพรุน และลดอาการปวดข้อในผู้สูงอายุ
- บำรุงเส้นผมและเล็บ คอลลาเจนช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง และช่วยให้เล็บไม่เปราะหักง่าย
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อ คอลลาเจนมีส่วนช่วยในการสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและฟื้นตัวได้ดีขึ้น
- บำรุงหลอดเลือด คอลลาเจนช่วยให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ทำให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้น
- ดูแลสุขภาพเหงือกและฟัน คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อเหงือก ช่วยให้เหงือกแข็งแรงและยึดเกาะฟันได้ดี
- การปกป้องอวัยวะภายใน คอลลาเจนมีส่วนช่วยในการปกป้องอวัยวะภายในต่างๆ ของร่างกาย
- การแข็งตัวของเลือด คอลลาเจนมีบทบาทในการช่วยให้เลือดแข็งตัว เพื่อป้องกันการเสียเลือดมากเกินไป
ถ้าร่างกายขาดคอลลาเจนจะเป็นอย่างไร?
เมื่อร่างกายขาดคอลลาเจน หรือคอลลาเจนในร่างกายลดน้อยลง จะส่งผลกระทบต่ออวัยวะและระบบต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เช่น
- ผิวหนัง ผิวจะเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น มีริ้วรอยเพิ่มขึ้น ผิวแห้งกร้าน และบาดแผลหายช้า
- กระดูกและข้อต่อ กระดูกจะเปราะบางลง เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน ข้อต่อเสื่อมสภาพ และมีอาการปวดข้อเรื้อรัง
- เส้นผมและเล็บ เส้นผมจะอ่อนแอ ขาดหลุดร่วงง่าย และเล็บจะเปราะ แตกหักง่าย
- กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจะอ่อนแรง และการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อทำได้ช้าลง
- หลอดเลือด หลอดเลือดจะแข็งตัวและไม่ยืดหยุ่น ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด
ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวที่ลดน้อยลงในแต่ละช่วงอายุ
ปกติแล้วคอลลาเจนในผิวจะลดลงตามช่วงวัย เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ก็ทำงานน้อยลง ซึ่งสามารถสังเกตุได้ง่ายจากบริเวณผิวหน้า ที่มีริ้วรอยต่าง ๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงอายุ
- ช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี ร่างกายจะยังมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจน อาจยังไม่พบปัญหาผิวที่มีริ้วรอยชัดเจน โดยช่วงอายุ 20 ปี จะมีคอลลาเจนที่ผิวหนังถึง 75% และลดน้อยลงตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป
- ช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบาง ๆ บริเวณร่องแก้ม รอยย่นระหว่างคิ้ว รูขุมขนกว้าง และเริ่มมีกระไปจนถึงฝ้า
- ช่วงอายุระหว่าง 40-50 ปี ความสามารถในการสร้างคอลลาเจนของร่างกายลดลงมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ ชัดขึ้น เช่น บริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ขอบตาล่าง และหางตา (ตีนกา) ไปจนถึงกระ ฝ้าลึก
- ช่วงอายุระหว่าง 50-65 ปี คอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มเสื่อมลง ร่องรอยตามบริเวณต่าง ๆ จะชัดยิ่งขึ้น และเริ่มทอดยาวเชื่อมหากันบนใบหน้า
- อายุ 65 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากปัญหาริ้วรอยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ผิวหนังยังมีความแห้ง หยาบกร้าน ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่ไม่สดใส ทั้งยังส่งผลต่อกระดูกที่เสื่อมลงด้วย
วิธีป้องกันไม่ให้คอลลาเจนในร่างกายลดลง
แม้การลดลงของคอลลาเจนเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ แต่เราสามารถชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี โปรตีน และสารต้านอนุมูลอิสระ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด รังสียูวีจากแสงแดดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน (Elastin) ในผิว ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองและผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น
- ลดความเครียด ความเครียดสะสมส่งผลเสียต่อการผลิตคอลลาเจน ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย โยคะ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ
- งดสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์ สารพิษในบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำลายคอลลาเจนและขัดขวางกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและส่งเสริมการผลิตคอลลาเจน
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมกระตุ้นคอลลาเจน เช่น เรตินอยด์ (Retinoids) วิตามินซี (Vitamin C) และเปปไทด์ (Peptides)
พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจนในผิว
พฤติกรรมบางอย่างที่เราทำเป็นประจำอาจส่งผลเสียต่อคอลลาเจนในผิวโดยไม่รู้ตัว ได้แก่
- การสัมผัสแสงแดดโดยไม่ป้องกัน เมื่อผิวหนังต้องเผชิญแสงแดดหรือรังสียูวีจะทำให้คอลลาเจนเสี่อมสภาพได้ และก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังได้หลายประการ เช่น เป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
- การสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง นอกจากจะทำให้เกิดมะเร็งปอดที่เราทุกคนต่างรู้กันดีอยู่แล้วยังส่งผลให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสติน (Elastin) ที่สำคัญต่อผิวลดลงทำให้เกิด รอยผิวหนังเหี่ยวย่น และริ้วรอยบนใบหน้า
- การบริโภคน้ำตาลและอาหารแปรรูปที่มากเกินไป น้ำตาลและอาหารแปรรูปจะทำปฏิกิริยากับโปรตีนในร่างกายผ่านกระบวนการที่เรียกว่า ไกลเคชัน (Glycation) ส่งผลให้คอลลาเจนในร่างกายแข็งตัวและสูญเสียความยืดหยุ่นได้
- ความเครียดสะสม ความเครียดเรื้อรังส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งสามารถทำลายคอลลาเจนได้
- พักผ่อนไม่เพียงพอ หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนที่ผิวหนัง ส่งผลให้สุขภาพผิวแย่ลง เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ตีนกา หน้าผากเหี่ยวย่น ผิวหนังไม่เรียบเนียน มีริ้วรอย ขึ้นบนใบหน้า
- การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป คอลลาเจน และอิลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี เต่งตึง แข็งแรง แต่เมื่อดื่มแอลกอฮอล์สารเหล่านี้จะถูกทำลายและส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวหนังเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย
- มลภาวะทางอากาศ อนุภาคเล็ก ๆ และสารพิษในมลภาวะ (PM2.5) สามารถกระตุ้นอนุมูลอิสระที่ทำลายคอลลาเจน
อาหารที่เรากินก็มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน
การเลือกกินอาหารที่มีสารอาหารจำเป็นจะช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้ดีขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
- อาหารที่อุดมด้วยโปรตีน (Protein) เนื่องจากคอลลาเจนเป็นโปรตีน การรับประทานโปรตีนให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกโปรตีนจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เนื้อสัตว์ (ไก่ หมู ปลา) ไข่ ถั่วเหลือง และพืชตระกูลถั่ว
- อาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี (Vitamin C) วิตามินซีเป็นสารจำเป็นในการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย (Collagen Synthesis) โดยทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ (Cofactor) ในการกระตุ้นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวนำ เช่น มะขามป้อม ส้ม ฝรั่ง มะนาว กีวี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี บรอกโคลี และพริกหยวก
- อาหารที่อุดมด้วยทองแดง(Copper) ทองแดงมีบทบาทในการกระตุ้นเอนไซม์ที่ช่วยในการรวมตัวของคอลลาเจน พบในถั่ว เมล็ดพืช เห็ด และตับ
- อาหารที่อุดมด้วยสังกะสี (Zinc ) สังกะสีช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ พบในเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ถั่ว และเมล็ดฟักทอง
- อาหารที่อุดมด้วยซัลเฟอร์ (Sulfur) ซัลเฟอร์เป็นองค์ประกอบสำคัญของคอลลาเจน พบในไข่ กระเทียม หัวหอม และกะหล่ำปลี
- อาหารที่มีไลโคปีน (Lycopene) ผัก ผลไม้ที่มีสีแดงมักมีไลโคปีนสูง เช่น มะเขือเทศ, แตงโม, ฝรั่งสีชมพู, สตรอว์เบอร์รี่, และเกรปฟรุตสีชมพู ไลโคปีนสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอยระหว่างวัย โดยไลโคปีนจะทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกแดดทำร้าย ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มคอลลาเจนอีกด้วย
- อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า (OMEGA 3) ถือเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวท็อปอีกตัวนึงเลย เพราะสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย สามารถรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้าได้จากปลาแซลมอน ทูน่า อาโวคาโด และอัลมอนด์
- อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินอี และสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ที่พบในผักผลไม้หลากสี ช่วยปกป้องคอลลาเจนจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ
สำหรับใครที่กำลังอยากเริ่มต้นในการดูแลตัวเองละก็ Body Shape เองก็มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สำหรับคนที่อยากเร่ิมดูแลผิวพรรณเช่นกัน นั่นคือ Colla-Gluta คอลลาเจน ผสมกลูต้าไธโอน และวิตามินซี ด้วยส่วนผสมเข้มข้นถึง 100,000 มิลลิกรัม ใน Colla-Gluta ที่อัดแน่นด้วย
- Collagen Peptide (33,333 มิลลิกรัม) นำเข้าจากญี่ปุ่น ละลายง่าย ดื่มง่าย ไม่มีกลิ่นคาว ช่วย บำรุงผิวให้เนียนใส กระชับเต่งตึง ลดริ้วรอย และ ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น อย่างเห็นได้ชัด
- L-Glutathione (1,667 มิลลิกรัม) ช่วยปรับสีผิวให้ขาวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
- Vitamin C (400 มิลลิกรัม) ตัวช่วยสำคัญที่ เสริมการดูดซึมคอลลาเจนและกลูต้าไธโอน เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ พร้อม ช่วยให้ผิวขาวขึ้นและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
- Pomegranate Powder (26,330 มิลลิกรัม) อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วย ผิวกระจ่างใส และ บำรุงผิวหน้าให้เต่งตึง แลดูอ่อนเยาว์
Colla-Gluta จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอก ให้คุณมีผิวสวยใสและสุขภาพดีได้อย่างมั่นใจนั่นเอง
สุดท้ายนี้ แม้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคอลลาเจนจะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่กุญแจสำคัญสู่ผิวพรรณที่อ่อนเยาว์และสุขภาพที่แข็งแรงอย่างแท้จริง เริ่มต้นจากการดูแลตนเองแบบองค์รวม นั่นคือ การรับประทานอาหารให้สมดุล ครบถ้วนด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น ควบคู่ไปกับการมี วิถีชีวิตประจำวันที่ดีต่อสุขภาพ ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมการสร้างและคงสภาพของคอลลาเจนตามธรรมชาติในร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณให้ดีจากภายในสู่ภายนอกอย่างยั่งยืนค่ะ