ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครก็ต่างถือกาแฟติดมือด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะมนุษย์ออฟฟิศที่เรียกว่าขาดกาแฟก็เหมือนขาดใจ ยิ่งช่วงไหนที่รู้สึกอึดอัดหรือน้ำหนักขึ้นละก็ เมนูแรก ๆ ที่นึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้นกาแฟอย่างแน่นอน
ซึ่งหนึ่งเหตุผลที่เราจะต้องลดการดื่มกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์เพื่อควบคุมน้ำหนักหรือเพื่อรักษาสุขภาพ นั่นเป็นเพราะในเมนูกาแฟนั้นมีทั้งน้ำตาล ครีม (ครีมเทียม) และนม ที่หากบริโภคเข้าไปเยอะ ๆ ล้วนแต่เป็นตัวการที่ทำให้น้ำหนักขึ้นและเสียสุขภาพ
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าเมนูกาแฟส่วนใหญ่ หรือกาแฟสำเร็จรูป (3in1) นั้น มักจะมีน้ำตาลและครีมเทียมผสมอยู่
ซึ่งการเลือกดื่มกาแฟที่เต็มไปด้วยน้ำตาลและครีมเทียม โดยเฉพาะอย่างหลังต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะในครีมเทียมนั้นมีส่วนประกอบหลักเป็นไขมัน น้ำตาล และโปรตีน ที่ได้มาจากการสกัดน้ำมันปาล์ม โดยครีมเทียมมีปริมาณกรดไขมันอิ่มตัวสูงถึงร้อยละ 20 - 50 จัดว่าเป็นไขมันทรานส์ ที่ทำให้ไขมันเลวในร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น
แล้วเมนูกาแฟอะไรที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพกันล่ะ?
เมนูกาแฟที่ดื่มแล้วรอด แม้ในช่วงลดน้ำหนัก
- Espresso : เมนูแรกต้องยกให้กาแฟดำอย่างเอสเปรสโซเลย เพราะให้พลังงานเพียงแค่ 3 kcal แต่ปริมาณคาเฟอีนอัดแน่น ดีดได้ตลอดทั้งวัน เหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการความตื่นตัว หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
- Americano : อเมริกาโน เป็นเมนูกาแฟดำที่นำมาชงกับน้ำร้อน และมีการเติมไซรัปเพียงเล็กน้อย ไม่มีส่วนผสมของนมและน้ำตาล จึงให้พลังงานเพียง 15 kcal เท่านั้น
- Cappucino : คัปปูชิโน่ เป็นกาแฟเอสเปรสโซผสมนมร้อน โดยใส่เอสเปรสโซ 1/3 ส่วน นมร้อน 1/3 ส่วน และใส่นมที่ตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วน ท็อปด้านบน จึงให้พลังงานประมาณ 150 kcal
- Latte : ลัตเต เป็นอีกเมนูกาแฟที่นิยมดื่มกันมากในหมู่สาว ๆ ลัตเต เป็นกาแฟเอสเปรสโซผสมนมร้อน โดยใส่เอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในแก้วพร้อม ๆ กัน พร้อมด้วยฟองนมด้านบน จึงให้พลังงานที่ 165 kcal
เมนูกาแฟที่ดื่มแล้วอ้วน ควรหลีกเลี่ยง
มาเริ่มกันที่เมนูกาแฟที่ส่งผลร้ายต่อร่างกายเราก่อน ซึ่งตามหลักโภชนาการ ผู้ชายควรได้รับพลังงานจากการทานอาหารอยู่ที่ 1,600 - 2,200 kcal ส่วนผู้หญิงจะต้องการพลังงานอยู่ที่ 1,400 - 1,800 kcal ซึ่งเมนูกาแฟต่อไปนี้ หากใครกำลังลดน้ำหนักอยู่ เลี่ยงได้ควรเลี่ยงเลย
- Caramel Macchiato : เมนูกาแฟเมนูแรก คือ คาราเมล มัคคียาโต้ เป็นกาแฟที่นำเอสเปรสโซไปผสมกับนม ใส่คาราเมลไซรัป และท็อปด้วยฟองนม ความหวานมันจึงทำให้พลังงานทะยานขึ้นถึง 430 kcal
- Mocha : เมนูกาแฟถัดมา มอคา เป็นกาแฟที่ผสมระหว่างเอสเปรสโซ นมสด และช็อกโกแลตเข้าด้วยกัน ซึ่งบางที่อาจจะท็อปด้วยวิปครีม จึงให้พลังงานสูงถึง 330 kcal
- Thai Espresso : ใครจะคิดว่าเมนูกาแฟอย่างเอสเปรสโซเย็น หรือที่เราเรียกกันว่า เอสเย็น (Es-Yen) จะให้พลังงานสูงไม่ใช่เล่น ซึ่งเป็นกาแฟที่ผสมระหว่างเอสเปรสโซ นมสด นมข้นหวาน นมข้นจืด และน้ำแข็ง ดูเหมือนจะง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ให้พลังงานสูงถึง 317 kcal
นี่เป็นแค่เมนูบางส่วนเท่านั้น จริง ๆ แล้วยังมีกาแฟอีกหลายเมนูเลยทีเดียวที่ให้พลังงานสูง เห็นแบบนี้แล้ว พอจะเลือกได้แล้วใช่มั้ยล่ะว่าเมนูไหนรอด เมนูไหนอ้วน แต่บางคนอาจจะทำใจที่จะดื่มกาแฟดำอย่าง เอสเปรสโซ หรือ อเมริกาโน ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? จะดีแค่ไหนถ้าเรามีตัวช่วยที่ดีในราคาย่อมเยา อย่างกาแฟจาก Body Shape ที่มีให้เลือกกันถึง 3 สูตร ตามความชอบเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น
- Coffee L-Carnitine (กาแฟ แอล-คาร์นิทีน) กาแฟรสชาติกลมกล่อม ผสมผสานด้วยแอล-คาร์นิทีน ที่จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เห็นแบบนี้ Coffee L-Carnitine หนึ่งแก้ว ให้พลังงานเพียง 60 kcal เท่านั้น
- Coffee Chia Seed (กาแฟเมล็ดเจีย) กาแฟรสชาตินุ่มละมุน ผสมเมล็ดเจียออร์แกนิกที่มีใยอาหารจากธรรมชาติ เมื่อเมล็ดเจียพองตัวจะช่วยให้เวลาที่เราดื่มกาแฟแก้วนี้อิ่มนานกว่ากาแฟทั่วไป Coffee Chia Seed หนึ่งแก้ว ให้พลังงานเพียง 70 kcal เท่านั้น
- Coffee M (กาแฟ เอ็ม) กาแฟรสชาติเข้มข้น ผสมโสมและเวย์โปรตีน (มีโปรตีนถึง 4,000 mg.) กาแฟสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพและต้องการโปรตีนเสริมด้วย ไม่เพียงแค่โปรตีนเท่านั้นยังคงมีส่วนผสมของแอล-คาร์นิทีน ที่จะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงานในร่างกายอีกด้วย ซึ่ง Coffee M หนึ่งแก้ว ให้พลังงานเพียง 70 kcal เท่านั้น
ถึงแม้ว่ากาแฟทุกสูตรของ Body Shape จะเป็นเป็นกาแฟปรุงสำเร็จ แต่ขอให้มั่นใจได้เลยว่าในทุกซองนั้น ไม่มีน้ำตาล ไขมัน และคอเลสเทอรอลอย่างแน่นอน แถมยังให้พลังงานน้อยกว่ากาแฟทั่วไป 2-3 เท่าเลยทีเดียว ทีนี้ก็เลือกกันได้แล้วสินะว่าอยากจะดื่มกาแฟแบบไหนกัน