Skip to content
Login
0

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงนี้กระแสมัทฉะ* (*ตามคำทับศัพท์ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา Matcha จะเขียนว่า “มัตจะ”) กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพ และผู้ที่มองหาเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนแต่ไม่ชอบดื่มกาแฟ จนเกิดเป็นกระแส “มัทฉะฟีเวอร์” แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า… มัทฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง? ทั้ง ๆ ที่สีของมัทฉะกับชาเขียวเหมือนกันแต่ชื่อเรียกไม่เหมือนกัน

ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบว่าชาเขียวแต่ละแบบคืออะไร เราลองมารู้จักกับที่มาที่ไปของมันกันก่อนเลยดีกว่า! ซึ่งชาเขียวมัทฉะกับชาเขียวกรีนทีนั้น มีการใช้ต้นชาชนิดเดียวกัน นั้นก็คือ Camellia Sinensis บางคนอาจจะงงแล้วแบบนี้ มัทฉะกับชาเขียว ต่างกันยังไงล่ะ? ทั้งสองอย่างจะมีความแตกต่างกันตรงสถานที่ในการเพาะปลูก รวมถึงขั้นตอนในการเก็บเกี่ยว กรรมวิธีในการผลิต และรวมไปถึงลักษณะของชาที่ได้ออกมาด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่ความแตกต่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่ยังมีความแตกต่างในแง่ของรสชาติ กลิ่น สี เทคนิคในการผลิต วิธีการชงรวมไปถึงราคา

ชาเขียว (Green tea)

ชาเขียว (Green Tea) หรืออีกชื่อหนึ่งก็คือชาเขียวเซนฉะ (Sencha) มีจุดกำเนิดมาจากประเทศจีน ที่เป็นประเทศต้นตำหรับของการดื่มชามาอย่างยาวนาน โดยชาเขียวกรีนทีนี้ จะมีลักษณะเป็นใบชาเขียวแห้งไม่ใช่ผงชาเขียว กลิ่นหอมของชาจะคล้ายกับกลิ่นหญ้า รสชาติบางเบาทานง่าย รสออกไปทางหวาน ไม่ขมไม่ฝาด เมื่อนำไปชงจะได้เป็นน้ำชาที่มีสีเขียวอ่อนปนเหลือง ลักษณะใส ซึ่งส่วนใหญ่มักจะถูกผสมสีให้มีสีเขียวชัด ๆ และผสมกลิ่นมะลิเข้าไป เพื่อให้ถูกปากและดื่มง่ายขึ้นค่ะ

ชาเขียวกรีนทีได้มาจากการเก็บยอดใบชาที่ปลูกอยู่กลางแจ้ง จากนั้นก็จะนำใบชาไปตากแห้งและอบไอน้ำหรือคั่วด้วยความร้อน ต่อด้วยการนวดและนำใบชาไปอบให้แห้งสนิท โดยไม่ผ่านการบ่มและบดใบชา และเนื่องมาจากกรรมวิธีในการเพาะปลูกและการผลิต ที่ไม่ได้มีความซับซ้อนอย่างชาเขียวมัทฉะ จึงทำให้ชาเขียวกรีนทีนั้นมีราคาที่ถูกกว่าชาเขียวมัทฉะ

มัทฉะ (Matcha)

ชาเขียวมัทฉะ (Matcha) มีต้นกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นคือจะอยู่ในรูปแบบของผงมัทฉะ สีเขียวมรกตสวยงาม มีกลิ่นหอมอันเย้ายวนของชาเขียวแบบเข้ม ๆ ชวนให้ลิ้มลอง แต่เมื่อได้ลองแล้วจะรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นสูงหลังจากที่นำไปชงดื่ม สีของมัทฉะจะไม่ได้มีสีเขียวใสอย่างชาเขียวกรีนที แต่จะมีสีเขียวขุ่นไปจนถึงสีเขียวเข้มแทน อีกทั้งยังสามารถตกตะกอนได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ชาเขียวมัทฉะยังมีขั้นตอนในการเพาะปลูกที่ซับซ้อนและเคร่งครัดอย่างมากอีกด้วย นั่นก็คือการทำให้ใบชาปกติอยู่ในรูปแบบของใบชาเทนฉะ (Tencha) นั่นเอง ใบชาเทนฉะหรือใบชามัทฉะ จะถูกปลูกอย่างทะนุถนอม ห้ามโดนแสงแดดโดยตรงอย่างเด็ดขาด จึงมีการปลูกไว้ในที่ร่ม 20 วันขึ้นไป เพื่อให้ได้ใบชาที่มีสีเขียวเข้มสวย และด้วยเหตุนี้เอง ระยะเวลาในการปลูก แหล่งปลูก สภาพอากาศ ดิน และฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว จึงมีผลต่อสีและรสชาติไม่แพ้ไปกว่ากรรมวิธีในการผลิตนั่นเอง

ส่วนกรรมวิธีในการทำใบชาเทนฉะให้เป็นผงมัทฉะ ก็คือการเก็บยอดใบชาไปอบไอน้ำ ทำให้ใบชาแห้ง และโม่บดเพื่อให้ได้เป็นผงมัทฉะละเอียด ๆ ออกมา ทั้งนี้ผงชาเขียวมัทฉะก็มีอยู่หลายเกรดหลายระดับ ทั้งกลิ่นหอม รสสัมผัส สี และรวมไปถึงความละเอียดด้วย ซึ่งแต่ละเกรดก็จะเหมาะกับการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการชงเครื่องดื่มร้อน เครื่อมดื่มเย็น ผสมเบเกอรี ทำไอศกรีม หรือการนำไปใช้ชงในพิธีการสำคัญก็ตาม

ความแตกต่างของมัทฉะกับชาเขียว

จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น หลาย ๆ คนคงจะเห็นภาพรวมและพอจะแยกออกกันบ้างแล้วใช่มั้ยคะ ว่าชาเขียวชนิดไหนเป็นอย่างไร งั้นเรามาลองดูรายละเอียดของความแตกต่างระหว่างมัทฉะกับชาเขียวแบบเปรียบเทียบ แบ่งแยกเป็นหัวข้อต่าง ๆ ที่ชัดเจนขึ้นกันเลย

ลักษณะของชา

  • มัทฉะ มาในรูปแบบของ ผงละเอียด คล้ายแป้งที่สามารถละลายน้ำได้ทันที

  • ชาเขียว มาในรูปแบบของ ใบชาแห้ง ที่ต้องนำไปชง ไม่สามารถละลายน้ำได้

การปลูกต้นชา

  • มัทฉะ ใบชาที่จะนำมาทำมัทฉะจะถูกปลูกใน ที่ร่ม และมีการกางผ้าคลุมเพื่อป้องกันแสงแดดโดยตรง วิธีนี้ช่วยกระตุ้นให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์มากขึ้น ทำให้มัทฉะมีสีเขียวเข้มกว่า

  • ชาเขียว ใบชาจะถูกปลูกใน ที่กลางแจ้ง เหมือนชาชนิดอื่น ๆ ทั่วไป

กรรมวิธีการผลิต

ทั้งมัทฉะและชาเขียว จะไม่มีการบ่มใบชา ทำให้สีไม่เปลี่ยนไปจากเดิมหลังเก็บเกี่ยว แต่มีขั้นตอนที่ต่างกันหลังการอบแห้ง

  • มัทฉะ หลังจากอบแห้ง ใบชาจะถูกนำไป บดให้ละเอียด จนกลายเป็นผงมัทฉะ

  • ชาเขียว ใบชาจะถูกนำไปใช้งานต่อในลักษณะของใบชาแห้ง

กลิ่นและรสชาติ

  • มัทฉะ มีรสชาติ เข้มข้น มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางคนอาจรู้สึกว่าดื่มยาก จึงนิยมนำไปผสมกับนมเป็นมัทฉะลาเต้

  • ชาเขียว รสชาติ หวานอ่อน ๆ ไม่ขม ไม่ฝาด สดชื่น มีกลิ่นคล้ายหญ้าหรือสาหร่าย และมักนิยมนำไปอบกับดอกมะลิเพื่อให้มีกลิ่นหอมและดื่มง่ายขึ้น อาทิ ชาเขียวมะลิ

สีของชา

  • มัทฉะ เมื่อชงแล้วจะมีสีเขียวที่ เข้มกว่าและขุ่นกว่า ชาเขียวกรีนที และจะมีการตกตะกอนมากกว่าเมื่อตั้งทิ้งไว้

  • ชาเขียว เมื่อชงแล้วจะมีน้ำชาเป็นสี เขียวใส

ประโยชน์ทางโภชนาการ

แม้จะมีความแตกต่างกันหลายอย่าง แต่ประโยชน์ที่ได้รับจากการดื่มมัทฉะและชาเขียว นั้นใกล้เคียงกัน เพราะมาจากใบชาชนิดเดียวกัน อย่างไรก็ตาม การดื่มมัทฉะจะได้รับสารอาหารมากกว่า เนื่องจากเป็นการบริโภคใบชาทั้งใบที่ถูกบดเป็นผง จึงไม่มีการแยกกากใยออกเหมือนการดื่มชาเขียวกรีนทรีนั่นเอง และเนื่องจากมัทฉะมีความเข้มข้นสูงจึงให้สารอาหารที่มากกว่าชาเขียวทั่วไป 5-10 เท่า หลัก ๆ แล้วจะให้ประโยชน์ในเรื่องของช่วยในการเผาผลาญไขมัน มีทั้งแร่ธาตุและกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย แค่ดื่มเป็นประจำทุกวัน

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่ามัทฉะนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเผาผลาญไขมัน นั่นเป็นเพราะในมัทฉะอุดมไปด้วย สารคาเทชิน (Catechins) โดยเฉพาะ EGCG (Epigallocatechin Gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังที่มีส่วนช่วย เพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันและพลังงานของร่างกาย ทำให้มีพลังงานอย่างต่อเนื่องและลดความเครียดได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ มัทฉะยังมี แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) สูง ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยให้คุณรู้สึก สงบ ผ่อนคลาย แต่ยังคงตื่นตัวและมีสมาธิ ทำได้รับพลังงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่กระวนกระวายเหมือนการดื่มกาแฟนั้นเอง

และคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมทั้งหมดนี้ ก็มีอยู่ใน Matcha Plus Organic Chia Seed (ชาเขียวมัทฉะผสมเมล็ดเจียออร์แกนิก) จาก Body Shape ผงมัทฉะคุณภาพเยี่ยมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม ดื่มง่าย และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ครบครันในแก้วเดียว

ใน Matcha Plus ไม่ได้มีแค่ EGCG ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการเผาผลาญไขมันเท่านั้น แต่ยังเสริมด้วยเมล็ดเจียออร์แกนิกและกัวร์กัม ซึ่งมีใยอาหารจากธรรมชาติสูง ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารระหว่างวันได้ดีเยี่ยม และที่พิเศษไปกว่านั้นเรายังเพิ่ม คอลลาเจน 3 ชนิด ที่ช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มสุขภาพผิวให้เปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกอีกด้วย

Matcha Plus หนึ่งแก้วให้พลังงานเพียง 60  kcal เท่านั้น ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับเครื่องดื่มแก้วโปรดนี้ได้ทุกวันอย่างสบายใจ โดยไม่ต้องรู้สึกผิด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ลดน้ำตาล หรือผู้ที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง

สุดท้าย แม้ว่ามัทฉะจะดีต่อสุขภาพแค่ไหน ก็อย่าลืมว่าการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่กันไป เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงอย่างแท้จริงทั้งจากภายในและภายนอกค่ะ

 

Cart

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options